วิตามิน เอ (A)
วิตามินเอ หรือเรตินอล (Retinol) ช่วยในการมองเห็น การมองเห็นในที่มือ ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน (Night blidness) รักษาสุขภาพผิวหนัง สร้างเยื่อบุต่าง ๆ เยื่อบุช่องปากและทางเดินอาหาร ต้านความเสื่อม ความชรา เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างกระดูกและฟัน การเติบโต สร้างภูมิต้านทานป้องกันหัด ท้องร่วง ปอดบวม ลดเวลาในการรักษาโรคติดเชื้อ สร้างสเปิร์ม และโอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน ป้องกันมะเร็งเยื่อเมือก เช่น มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งทางเดินปัสสาวะ
วิตามินเอมี 3 ชนิด คือ
- เรตินอล (Ratinol) เป็นวิตามินเอในรูปที่พบมากในธรรมชาติ ป้องกันตาแห้ง ตาบอด เลนส์ตาแห้ง ซึ่งทำให่้เห็นวัตถุมีสองชิ้น
- เรติแนล (Ratinal) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้
- กรดวิตามินเอ (Retinoic acid หรือ Isotretinoin) ใช้รักษาสิว แต่มีพิษตอตับ ทำให้ตับพัง
ร่างกายได้รับวิตามิเอจากเนื้อสัตว์ ผักสีเขียวเข้ม ผลไม้สีเหลือง ไข่ เนื้อ ตับ เนย น้ำมันตับปลา ผลิตภัณฑ์จากนม และเปลี่ยนรูปมาจากเบต้าแคโรทีน
ในอาหาร 100 กรัม (USDA)
- ตับมีวิตามินเอมากที่สุดคือ 6,500 ไมโครกรัม 722% หรือ 7 เท่าของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- แครอท มีวิตามินเอ 835 ไมโครกรัม 93% หรือพอดีกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- บรอกโคลี มีวิตามินเอ 800 ไมโครกรัม 89% หรือเกือบครบตามที่ร่างกายควรได้รับ
- มันฝรั่ง มีวิตามินเอ 709 ไมโครกรัม 79% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- เนยสด มีวิตามินเอ 684 ไมโครกรัม 76% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- ผักโขม มีวิตามินเอ 469 ไมโครกรัม 52% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- ฝักทอง มีวิตามินเอ 400 ไมโครกรัม 41% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- แคนตาลูป มีวิตามินเอ 169 ไมโครกรัม 19% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- ไข่ มีวิตามินเอ 140 ไมโครกรัม 16% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- มะละกอ มีวิตามินเอ 55 ไมโครกรัม 6% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- มะม่วงและถั่วลันเตา มีวิตามินเอ 38 ไมโครกรัม 4% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
- น้ำนมโค มีวิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ
ในนมข้นหวานจะไม่มี วิตามินเอ จึงมีข้อความแสดงเตือนว่า “ห้ามใช้เลี้ยงทารก” และในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กฎหมายบังคับให้เติมวิตามินเอและไอโอดีนในเครื่องปรุงเพื่อปัองกันการขาดสารอาหาร เพราะสารอาหาร 2 ชนิดนี้พบการขาดได้บ่อย
อาการเมื่อขาด วิตามินเอ
- มองไม่เห็นในที่สลัว
- ตาแห้ง
- ผิวหยาบ
- เติบโตช้า
- กระดูกอ่อน
- ติดเชื้อ
ร่างการต้องการวันละ 1,000 ไมโครกรัม หรือในหน่วยของ IU ผู้ชายต้องการ 5,000 IU และผู้หญิงต้องการ 4,000 IU
งานวิจัยใหม่ของสถาบันแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแสดงค่าการดูดซึมของสารตั้งต้นของวิตามินเอไว้ว่า เรตินอล 1 ไมโครกรัมเท่ากับ เบต้าแคโรทีน ในน้ำมัน 2 ไมโครกรัม เท่ากับเบต้าแคโรทีนในอาหาร 12 ไมโครกรัม เท่ากับแคโรทีนอยด์ในอาหาร 24 ไมโครกรัม และพบว่าปัจจัยที่ช่วยในการดูดซึมของวิตามินเอคือ น้ำมัน
สารตั้งต้นของวิตามินเอ | การดูดซึมเทียบกับเรตินอล (ไมโครกรัม) |
---|---|
เรตินอล | 1 |
เบต้าแคโรทีนในน้ำมัน | 1/2 |
เบค้าแคโรทีนในอาหาร | 1/12 |
อับฟาแคโรทีนในอาหาร | 1/24 |
แกมมาแคโรทีนในอาหาร | 1/24 |
เบต้าคริปโตแซนทินในอาหาร | 1 |
การขาดวิตามินเอ
องค์การอนามัยโลกประเมินว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีขาดวิตามินเอมีมากถึง 1/3 ของโลกส่งผลให้เด็กราว 250,000-500,000 คนตาบอด โดยพบมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
นอกจากการได้รับอาหารที่มีวิตามินเอไม่เพียงพอแล้ว การขาดวิตามินเอยังเกิดจากการดูดซึมน้ำมันผิดปกติ การสัมพัสอนุมูลอิสระ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา และการขาดสังกะสี
พิษจากการได้รับวิตามินเอเกิดขนาด
หากร่างกายได้รับวิตามินเอเกิดกว่าวันละ 15,000 IU จะเป็นพิษต่อตับ หากตั้งครรภ์และไดรับวิตามินเอมากเกินไปจะทำให้ทารกพิการ และยิ่งวิตามินเอในรูปที่ละลายน้ำจะก่อพิษสูงกว่าวิตามินเอธรรมดา 10 เท่า
แหล่งข้อมูล: คู่มืออาหารเสริมฉบับสมบูรณ์
เพื่อการได้รับวิตามินเอ อย่างเหมาะสมแลเพียงพอ คุณสามารถรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบเจล สกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ ดูดซึมเร็ว ได้ไม่ลำบากต่อชีวิตประจำวันที่ต้องแข่งกับเวลา