วิตามินบี1 (B1)
วิตามินบี 1 หรือไทอามีน (Thiamine) ชื่อนี้มาจาก Aneurin คือวิตามินที่ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท (Anti-neuritics vitamin) วิตามินบี 1 ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยในการเผาผลาญอาหาร เพื่อใช้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้อยากอาหาร จำเป็นต่อสมอง กล้ามเนื้อหัวใจ การขาดวินามินบี 1 ทำให้เป็นโรคเหน็บชา อาจพบอาการชา กล้ามเนื้อแขนและขาไม่มีกำลัง ร่างกายอ่อนเพลีย หลงลืมง่าย กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ถ้าเป็นมากจะมีอาการใจสั่น หัวใจโตและเต้นเร็ว หอบ เหนื่อย เบื่ออาหาร การเจริญเติลโตหยุดชะงัก มีคำถามว่ามือชาข้างเดียวจำเป็นต้องรับประทานวิตามินบี 1 หรือไม่ คำตอบคือไม่จำเป็น เพราะหากเป็นโรคเหน็บชา มือจะต้องชาทั้ง 2 ข้าง หากมือชาข้างเดียวอาจเกิดจากการนอนทับมือข้างที่ชา
วิตามินบี 1 สังเคราะห์จากรา แบคทีเรีย และพืช ส่วนสัตว์สร้างเองไม่ได้ต้องได้รับจากอาหาร แหล่งของวิตามินบี 1 คือ ข้างโอ๊ต เมล็ดดอกท่านตะวัน ข้างกล้อง หน่อไม้ผรั่ง ส้ม ตับ เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว มันเทศ รำจมูกข้าว ขนมปัง ยีสต์ ปลา พัญพืช และน้ำนม
ร่างกายต้องการวิตามินบี 1 วันละ 1.5 มิลลิกรัม หากรับประทานมากจะถูกขับออกทางปัสสาวะ เพราะวิตาินบี 1 ละลายในน้ำ จึงไ่มีรายงานว่า ถ้ารับประทานมากเกินจะเป็นพิษ
ผู้ที่รับประทานข้าวสี ปลาร้าดิบ หมาก พลู และผู้ที่อยู่ไฟหลังจากคลอดบุตรจะขาดวิตามินบี เนื่องจากข้าวขัดสีถูกขัดเอาจมูกข้าวและวิตามินที่เคลือบผิวข้าวออกหมด ปลาร้าดิบมี เอนไซม์ไทอะมิเนส (Thiaminase) ทำลายวิตามินบี 1 หมาก พลู มีแทนนินหรือเทนนิก แอซิก ทำลายวิตามินบี 1 และผู้ที่อยู่ไฟหลังจากคลอดบุตรรับประทานแต่ข้าวกับเกลือจึงขาดวิตามินบี 1
ในเด็กหากขาดวิตามิน 1 (Infantile beri-beri) จะร้องเสียงแหลมเพราะหงุดหงิด ขาดน้ำตาล หอบ อ้าปากร้องแต่ไม่มีเสียง เพราะกล่องเสียงอัมพาต และเสียชีวิตภายใน 2 ชั่วโมง
ในผู้ใหญ่หากขาดวิตามินบี 1 เรียกว่า เหน็บชาแห้ง (Dry beri-beri) จะมีอาการชา กล้ามเนื้อลีบ อีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า เหน็บชาเปียก (Wet beri-beri) จะมีอาการชาและบวม (แต่ถ้าบวมในเด็กจะเกิดจากการขาดโปรตีน) เมื่อกดเนื้อแล้วเนื้อจะบุ๋มไม่เด้งคืนตัว ยืดมือแล้วแขนสั่น จำอดีตใกล้ ๆ ไม่ได้ พบในพวกอื่มเหล้าจัด และอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า เวอร์นิคโคชาคอฟ (Wernicke-Korsakoff syndrome) สมองเสียประสิทธิภาพ และพบว่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีวิตามินบี 1 ต่ำ
ประโยชน์ของวิตามินบี 1
- รักษาโรคจากการขาดวิตามินบี 1 ได้แก่โรคเหน็บชา
- เสริมสร้างการเจริญเติบโต
- ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งได้เป็นดี
- ช่วยบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจให้ทำงานเป็นปกติ
- ช่วยบำรุงสมอง ความคิด สติปัญญาให้ดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
- บรรเทาอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดทำฟัน
- ช่วยรักษาโรคงูสวัด
- วิตามินชนิดนี้มีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะอย่างอ่อน ๆ
คำแนะนำในการรับประทานวิตามินบี 1
- วิตามินบี 1 ในรูปของอาหารเสริม มีปริมาณตั้งแต่ 25 – 500 มิลลิกรัม จะมีประสิทธิภาพดีมากหากอยู่ในรูปของวิตามินบีรวม เช่น วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 กรดโฟลิก โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือ 100-300 มิลลิกรัม
- ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันหรือที่ร่างกายต้องการต่อวันคือ 1-1.5 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ และ 1.5-1.6 มิลลิกรัม สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- หากคุณเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารหวานจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เป็นประจำ ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 1 เพิ่มมากขึ้น
- หากตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือรับประทานยาคุม คุณต้องได้รับวิตามินบี 1 มากกว่าปกติ
- หากคุณรับประทานยาลดกรดในกระเพาะหลังอาหารเป็นประจำ คุณอาจไม่ได้รับวิตามินบี 1 ที่ควรจะได้จากอาหารมื้อนั้น ๆ
- ในภาวะเครียด เจ็บป่วย มีอาการบาดเจ็บหลังผ่าตัด คุณควรรับประทานวิตามินบีรวมเสริมด้วย
- เมื่อเจ็บป่วย มีอาการเครียด ผ่าตัด ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 1 เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ
แหล่งข้อมูล: คู่มืออาหารเสริมฉบับสมบูรณ์, หนังสือวิตามินไบเบิล
เพื่อการได้รับวิตามินบี1 อย่างเหมาะสมแลเพียงพอ คุณสามารถรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบเจล สกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ ดูดซึมเร็ว ได้ไม่ลำบากต่อชีวิตประจำวันที่ต้องแข่งกับเวลา